ดีเอสไอรุดสอบพบทุจริตขายข้อสอบครู เล่มละ 6 แสนบาท

ดีเอสไอเปิดปฏิบัติการรุดสอบคดีทุจริตการขายข้อสอบครู ประจำปี 2566

ในวันที่ 5 มีนาคม 2567 ณ ห้องประชุมชั้น 2 สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น การปฏิบัติการสอบสวนของดีเอสไอ (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) ได้เข้าสู่จุดพีคอีกครั้ง โดยการนำของ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรม และนายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้อำนวยการกองกิจการอำนวยความยุติธรรม พร้อมด้วยคณะทำงาน เพื่อทำการสอบปากคำผู้สมัครครูผู้ช่วยจากบัญชีลำดับสำรองปี 2566 ภายหลังการร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตการสอบที่มีข้อหาสุดหนัก นั่นคือการขายข้อสอบเล่มละหกแสนบาท

เรื่องราวความไม่โปร่งใสนี้เริ่มต้นจากการจัดสอบคัดเลือกโดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 2 ในวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 และการประกาศผลในเดือนสิงหาคม ตามด้วยการรายงานตัวของผู้ที่ผ่านการสอบและติดอยู่ในลำดับสำรอง กระทั่งมีการร้องเรียนถึงการทุจริตในการสอบ

การสอบปากคำในวันนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเจาะลึกความจริงเกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่ามีการจัดทำคู่มือการสอบที่ตรงกับข้อสอบจริง และถูกจำหน่ายในราคาสูงลิ่วถึงหกแสนบาท พร้อมทั้งสืบสวนความเกี่ยวข้องของผู้ติดลำดับสำรองและผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้

ผลจากการสืบสวนนี้คาดว่าจะเป็นขั้นตอนสำคัญในการเอาผิดกับผู้กระทำความผิดทางวินัยและทางกฎหมาย โดยข้อกล่าวหานี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความไม่โปร่งใสในระบบการสอบเข้ารับราชการครูเท่านั้น แต่ยังเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนในระบบการศึกษาของชาติ

นายสมชาติ สง่าภาคภูมิ ผู้แทนภาคประชาชน ได้ชี้แจงว่าข้อมูลและหลักฐานการทุจริตที่ได้จากผู้สมัครสอบถูกนำเสนอต่อพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

คดีนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปิดเผยความไม่โปร่งใสในการจัดสอบครูผู้ช่วยเท่านั้น แต่ยังเป็นการทดสอบความเข้มแข็งและความยุติธรรมของระบบการศึกษาและการบังคับใช้กฎหมายในประเทศไทย ซึ่งคาดว

่าจะนำไปสู่การปรับปรุงและเสริมสร้างมาตรฐานการจัดการสอบคัดเลือกในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใสมากขึ้น

การดำเนินการของดีเอสไอในคดีนี้ยังส่งสัญญาณถึงความจริงจังในการต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชั่นภายในระบบราชการ โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ ความเชื่อมั่นของประชาชนในความโปร่งใสและความยุติธรรมของกระบวนการสอบสวนและการดำเนินคดีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องรักษาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ กรณีนี้ยังเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐในการแก้ไขปัญหาสังคมที่สำคัญ ด้วยการสนับสนุนจากพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. และการเคลื่อนไหวของผู้แทนภาคประชาชน ซึ่งได้นำเสนอข้อมูลและหลักฐานสำคัญในการสืบสวน การทำงานร่วมมือนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในระบบการศึกษาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในการต่อสู้กับคอร์รัปชั่นที่ทุกหน่วยงานราชการควรยึดถือและปฏิบัติตาม

การเปิดเผยและการดำเนินการในคดีนี้จะเป็นอีกหนึ่งบทบาทสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าการมีส่วนร่วมของประชาชนและการใช้กลไกทางกฎหมายอย่างเข้มแข็งเป็นกุญแจสำคัญในการปรับปรุงและพัฒนาสังคมไทยให้มีความยุติธรรมและโปร่งใสมากขึ้น

สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของชาติ คดีนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องท้าทายในการรักษาความเป็นมืออาชีพและความซื่อสัตย์ของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการตรวจสอบและปรับปรุงระบบการสอบและการคัดเลือกบุคลากรที่มีความโปร่งใสและยุติธรรม เพื่อให้การศึกษาไทยก้าวไปข้างหน้าด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่นของสังคมในระบบการศึกษาที่ดีขึ้นในอนาคต